>>>
Home / บทความพาร์ทไทม์ / อาชีพเสริม ปลูกดอกดาวเรืองขายสร้างรายได้ ขั้นตอนและวิธีการปลูก

อาชีพเสริม ปลูกดอกดาวเรืองขายสร้างรายได้ ขั้นตอนและวิธีการปลูก

อาชีพเสริม ปลูกดอกดาวเรืองขายสร้างรายได้ ขั้นตอนและวิธีการปลูก

งานพาร์ทไทม์ ปลูกดอกดาวเรือง เป็นอีกหนึ่งหนทางสร้างอาชีพด้วยการทำเกษตรกรรม จากการปลูกดอกไม้เศรษฐกิจ โดยหนึ่งในดอกไม้ที่ว่าก็คือดอกดาวเรือง เป็นอีกหนึ่งอาชีพทำเงินที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะมีหลายรายสามารถทำเป็นอาชีพหลักได้ รายได้ไม่น้อย สามารถเลี้ยงชีพได้อย่างยั่งยืน วันนี้เราในหัวข้องานพาร์ทไทม์ทางเราจึงถือโอกาสนำอาชีพดังกล่าวมานำเสนอเพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้สนใจ

ก่อนจะมาเป็นงานพาร์ทไทม์ในอาชีพปลูกดอกดาวเรือง ต้องบอกก่อนว่าดาวเรืองเป็นพืชที่มีประโยชน์หลายด้านด้วยกัน ทั้งในแง่ของการเป็นไม้ประดับ ใช้เสริมในอาหารสัตว์ หรือการสกัดสีเพื่อเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง เครื่องดื่มสุขภาพ ด้านการเกษตรยังใช้สำหรับกำจัดแมลงและศัตรูพืชได้ด้วย ทำให้ดอกดาวเรืองเป็นพืชเศรษฐกิจที่สามารถทำเป็นอาชีพและประกอบการเป็นงานพาร์ทไทม์ได้ด้วย

ขอหยิบหยกกรณีตัวอย่างในการประกอบอาชีพปลูกดาวเรืองสักนิด ที่ผ่านมาเคยมีคนทำกำไรจากการปลูกดอกดาวเรืองบนที่ดินของตนเองกว่า 10 ไร่ ฟันกำไรไปกว่าแสนบาทต่อสัปดาห์ หรือเกษตรกรอีกหนึ่งรายสร้างรายได้จากการปลูกดาวเรืองไร่ละ 2-3 หมื่นบาท หรือเกษตรกรอีกหนึ่งรายทำรายได้จากการปลูกดาวเรืองบนพื้นที่กว่า 1 ไร่ได้รายได้กว่า 60,000 บาท จากตัวเลจึงคิดว่าน่าจะเหมาะสำหรับการสร้างเป็นงานพาร์ทไทม์

สำหรับใครที่สนใจงานพาร์ทไทม์จากการปลูกดาวเรือง วันนี้เราก็มีวิธีการเพาะคร่าวๆ มาฝาก เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างอาชีพด้วย ประกอบไปด้วยขั้นตอนการเพาะเมล็ด การเตรียมแปลง การย้ายกล้าดาวเรือง การให้น้ำและการเด็ดยอด

สำหรับขั้นตอนการเพาะเมล็ด ที่เหมาะสมคือการเพาะด้วยพีสมอสส์ (หาซื้อได้ตามร้านจำหน่ายอุปกรณ์การเกษตร) โดยใช้พีสมอสส์ 2 ส่วน ผสมกับขุยมะพร้าวร่อน 1 ส่วน จากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วนำไปบรรจุในถาดหลุม รดน้ำหมาดๆ ทดสอบโดยการใช้มือกำวัสดุเพาะ หากกำแล้วเป็นก้อนถือว่าใช้ได้ หรือสามารถใช้พีสมอสส์ล้วนในการเพาะก็ได้เช่นกัน ให้พิจารณาตามความเหมาะสม เพราะสาเหตุที่ใช้ขุยมะพร้าวก็เพื่อลดต้นทุน แต่ถ้าไม่ได้เพาะปริมาณมากนักก็สามารถใช้พีสมอสส์ล้วนได้ จากนั้นนำวัสดุปลูกใส่ในถาดเพาะแล้วรดน้ำ

หลังจากนั้น 2-3 วัน เมล็ดจะงอกและให้ต้นกล้า เมื่อต้นกล้ามีใบเลี้ยงบานเต็มที่เป็นวลา 2-3 วัน เมื่อต้นกล้าพัฒนาใบจริงขึ้นมา 1 คู่ จึงสามารถให้ต้นกล้าได้รับแสงแดดปกติโดยไม่มีการพรางแสง และเมื่อต้นกล้าอายุได้ ประมาณ 13-15 วัน หลังจากวันเพาะ ให้สังเกตว่าต้นกล้ามีใบจริง 1-2 คู่ หรือรากเจริญเต็มหลุมหรือลำต้นมีสีแดง จึงสามารถย้ายลงแปลงได้

ในการเตรียมแปลงปลูกดอกดาวเรือง ใช้โดโลไมท์เพื่อปรับปรุงค่าความเป็นกรด-ด่างในดิน ค่าความเป็นกรด-ด่างที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 6.5-6.8 ใช้อัตรา 0.5 ตัน/ไร่ ใส่แกลบดิบเพื่อให้ดินร่วนซุย ในอัตรา 2 ตัน/ไร่ และใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกอัตรา 2 ตัน/ไร่

ความสูงของแปลงที่เหมาะคือ 25-30 เซนติเมตร เพื่อปลูกแบบยกแปลงและให้น้ำตามร่องน้ำ แต่ถ้าหากปลูกบนที่ดอน อาจไม่จำเป็นต้องขึ้นแปลง ขึ้นอยู่กับฤดูกาล ลักษณะดิน ลักษณะพื้นที่ ให้ความกว้างของแปลงปลูก 80-100 เซนติเมตร สำหรับหลังแปลงหากวัดจากฐานแปลงควรกว้างประมาณ 110-120 เซนติเมตร มีระยะระหว่างแปลงประมาณ 40-50 เซนติเมตร หรือตามความเหมาะสมโดยคำนึงถึงความสะดวกในการเก็บเกี่ยวเป็นหลัก ใช้ปุ๋ยรองพื้น 15-15-15 และ 15-0-0 ผสมกัน ในอัตรา 1:1 ใช้ในปริมาณ 50 กิโลกรัม/ไร่ ผสมลงในแปลงหรือรองก้นหลุม

ในขั้นตอนการย้ายกล้าดาวเรืองปลูกควรย้ายขณะที่รากของพืชยังไม่แก่เกินไป เพื่อให้ระบบรากของพืชมีการพัฒนาที่ดีกว่า และช่วยให้การหาอาหารของรากพืชมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น โดยอายุของต้นกล้าไม่ควรเกิน 20 วัน ช่วงเวลาแนะนำสำหรับย้ายปลูกคือช่วงบ่ายหรือเย็นเป็นต้นไป เนื่องจากต้นกล้าสามารถตั้งตัวได้ดีกว่าการย้ายช่วงเช้า

การให้น้ำด้วยวิธีปล่อยน้ำเข้าร่องแปลงปลูก จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์ให้น้ำ ทั้งยังทำให้น้ำไม่ค้างบนดอกเหมือนการให้น้ำแบบสปริงเกลอร์ และช่วยลดอุณหภูมิในดิน ทำให้ระบบรากเติบโตได้ดี แต่จะมีปัญหาคือการระบาดของโรคทางดินที่เกิดได้ง่าย และเป็นอุปสรรคในช่วงการเก็บเกี่ยว

หรือการให้น้ำโดยสปริงเกลอร์และระบบน้ำหยด ช่วยประหยัดน้ำได้มากกว่า สามารถควบคุมปริมาณน้ำได้ง่าย ช่วยลดอุณหภูมิช่วงอากาศร้อน และช่วยชะลอน้ำค้าง น้ำฝน จากดอกและใบ ลดปัญหาการเกิดโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่จะมีปัญหาเรื่องของน้ำค้างบนดอกและจะเกิดจากการระบาดโรคดอกลายหากให้น้ำในช่วงเย็น

ส่วนการให้น้ำในระบบน้ำหยด จะสามารถควบคุมปริมาณน้ำได้ ช่วยประหยัดการใช้น้ำ และน้ำไม่สัมผัสส่วนของใบและดอก ช่วยลดการเกิดโรคดอกลาย ใบจุด ทั้งยังสามารถให้ปุ๋ยพร้อมกับการให้น้ำได้ ทำให้จำนวนครั้งของการเก็บเกี่ยวเพิ่มขึ้น แต่ใช้ต้นทุนค่อนข้างสูง โดยเรื่องของระบบน้ำนั้นก็ให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม

ในส่วนของการเด็ดยอดหลังปลูกลงแปลงประมาณ 10-15 วัน ให้เด็ดยอดดาวเรือง โดยให้ดาวเรืองเหลือใบจริงไว้ 3 คู่ (6 ใบ) เด็ดคู่ที่ 4 ออกไป เพื่อให้ต้นดาวเรืองแตกกิ่งเป็นพุ่ม จะให้ดอกได้เป็นจำนวนมาก ในช่วงฤดูกาลปกติ การปลูกดาวเรืองโดยไม่เด็ดยอด จะทำให้ดาวเรืองสามารถออกดอกได้เร็วกว่าต้นที่เด็ดยอดประมาณ 1 สัปดาห์ ดังนั้น ในช่วงฤดูหนาวที่เป็นช่วงวันสั้น หากไม่เด็ดยอดก็จะทำให้ดาวเรืองออกดอกเร็วยิ่งขึ้นอีก โดยที่ลำต้นและกิ่งก้านยังไม่มีความสมบูรณ์มากนัก ทั้งยังเป็นสาเหตุให้ผลผลิตที่ได้มีปริมาณไม่มากตามที่ควรจะเป็น

ถือเป็นอีกหนึ่งงานพาร์ทไทม์ที่น่าสนใจ โดยการปลูกพืชเศรษฐกิจซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด เหมาะสำหรับผู้ที่มีที่ดินเป็นของตนเอง หรือถ้าหากต้องเช่าที่ก็ต้องคำนึงถึงต้นทุนและกำไรให้เหมาะสมด้วย