อาชีพเสริม เปิดร้านซักรีด เริ่มต้นอย่างไรบ้าง?
เปิดร้านซักรีด ธุรกิจทำเงินสอดคล้องพฤติกรรมคนในยุคปัจจุบัน เมื่องานบ้านเป็นอะไรที่ใช้เวลาค่อนข้างมาก ยิ่งถ้าพูดถึงการซักผ้ายิ่งแล้วใหญ่ ทำให้คนทำงาน 5 วันหรือบางคนทำงานถึง 6 วันหาเวลาทำกิจกรรมดังกล่าวได้ยากมาก ไหนจะไลฟ์สไตล์คนยุคนี้ที่นิยมใช้วันหยุดปลายสัปดาห์เป็นวันพักผ่อน เอาเวลาไปเดินห้าง นั่งจิบกาแฟ หรือทานมื้อค่ำก็หมดไปแล้ว 1 วัน ทำให้ธุรกิจร้านซักรีดเป็นที่พึ่งสำคัญและสามารถทำรายได้
ข้อควรรู้ก่อนเปิดร้านซักรีด
ก่อนเปิดร้านสิ่งที่ควรรู้คือต้นทุน ทำเล และข้อมูลรายละเอียดอื่นๆ ซึ่งวันนี้เราก็รวบรวมมาให้แล้ว ได้แก่
1.ต้นทุนการเปิดร้านซักรีด
ต้นทุนในการเปิดร้านซักรีดจะไปอยู่ที่การเช่าร้าน ซื้อเครื่องซักผ้า ซื้อเครื่องอบผ้า และเตารีด แบ่งออกเป็นต้นทุนประจำกับต้นทุนแปรผัน ซึ่งสถานที่ (หน้าร้าน) เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า เตารีด จะจัดเป็นต้นทุนประจำ ส่วนต้นทุนผักแปร ได้แก่ ผลิตภัณฑ์สำหรับซักผ้า (ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม ฯลฯ) ค่าน้ำ ค่าไฟ โดยต้นทุนเริ่มต้นสำหรับการเปิดร้านอยู่ที่ประมาณ 40,000 บาท (ไม่รวมค่าเช่าที่)
2.ทำเลการเปิดร้านซักรีด
สำคัญมากสำหรับทำเล โดยร้านค้าทั่วไป อย่างร้านเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ควรไปอยู่ในแหล่งคนเดินเยอะๆ เช่น ตลาดนัด แต่ถ้าเป็นร้านซักรีดที่ควรคำนึงถึงคือการเดินทางไปใช้บริการให้สั้นที่สุดจากที่พัก ทำให้ร้านซักรีดควรอยู่ในหมู่บ้านจัดสรร อยู่ใต้หอพัก ใต้คอนโดฯ สรุปง่ายๆ คือควรอยู่ใกล้กับแหล่งที่อยู่อาศัย ให้ลูกค้าเดินทางได้ง่ายที่สุด รวมถึงทางร้านเช่นกันที่อาจต้องเดินทางไปรับและส่งเสื้อผ้าลูกค้าถึงหน้าบ้าน จึงควรคำนึงส่วนนี้
3.การตั้งราคา
สำหรับการเปิดร้านซักรีดมีค่าบริการโดยจะคิดแตกต่างกันออกไปในแต่ละเนื้อผ้าหรือแบบของเสื้อผ้าที่ส่งซัก หากเป็นเสื้อผ้าที่ต้องถนอมใยผ้าเป็นพิเศษ อาจต้องคิดราคามากกว่าเสื้อผ้าทั่วๆ ไป หรือบางร้านคิดเป็นรายเดือน รายสัปดาห์ จากการสำรวจในการตั้งราคา ได้แก่ การตั้งราคารายเดือนแบ่งออกเป็นแพ็คเก็ตต่างๆ ตามจำนวนชิ้น เช่น แพ็คเกตแรกไม่เกิน 30 ชิ้นในหนึ่งเดือนก็เป็นราคานึง แต่ถ้าเกิน 30 ชิ้นแต่ไม่เกิน 40 ชิ้นปรับราคาขึ้นไป หรือการตั้งราคาต่อชิ้นแบ่งออกเป็นประเภทเสื้อผ้า เสื้อสูท เสื้อเชิ้ต แจ็คเก็ท เป็นต้น สำหรับพรมหรือผ้าม่านคิดตามตารางเมตร
ขั้นตอนการเปิดร้านซักรีด
ขั้นตอนการเปิดร้านซักรีด ประกอบไปด้วยหลายขั้นตอนด้วยกัน ได้แก่
1.การติดต่อเช่าพื้นที่
สามารถติดต่อตามพื้นที่ที่ติดประกาศให้เช่าต่างๆ แนะนำให้เป็นแบบห้องกระจกหรือสามารถตัดแปลงเป็นห้องกระจกได้จะดีที่สุด หรือไม่ก็เป็นพื้นที่ว่างที่สามารถวางบ้านน็อคดาวได้ อีกทำเลแนะนำคือบ้านของตัวเอง กรณีเปิดบริการภายในหมู่บ้านของตัวเอง ก็สามารถแปลงบ้านเป็นร้านซักรีดได้ โดยการแบ่งสรรปันส่วนพื้นที่อยู่อาศัย และพื้นที่ให้บริการซักรีด
สำหรับการติดต่อเช่าพื้นที่ หากติดต่อเช่าพื้นที่ของคอนโดมิเนียมจะต้องไปติดต่อที่นิติบุคคลซึ่งเป็นคนดูแลคอนโดมิเนียมอยู่ รวมถึงการเช่าพื้นที่ภายในหมู่บ้านจัดสรรด้วยเช่นกัน กรณีที่หมู่บ้านนั้นมีพื้นที่เช่าของส่วนกลางในหมู่บ้าน ส่วนมากการทำสัญญาจะอยู่ที่ 5 ปีโดยประมาณ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละแห่งด้วย มีการจ่ายล่วงหน้า 4 เดือนเป็นส่วนใหญ่
สำหรับค่าประกันความเสียหาย ขึ้นอยู่กับว่าเช่าพื้นที่เปล่าหรือเช่าอุปกรณ์ของเขาด้วย หากเป็นพื้นที่เปล่าก็จะมีประกันเรื่องประตู ไฟฟ้า และควาเมสียหายที่จะเกิดกับสิ่งปลูกสร้าง แต่ถ้าหากมีการเช่าอุปกรณ์ด้วยก็ต้องมีค่าประกันส่วนนั้น ราคาเช่ามีความหลากหลายมาก ขึ้นอยู่กับทำเลตรงนั้น หากเป็นแหล่งชุมชนที่มีคนเดินผ่านไปผ่านมาเยอะ หรือคอนโดมิเนียมกลาบงใจเมือง ค่าเช่าอาจสูงถึงหลักหมื่นบาท แต่ถ้าหากอยู่ชานเมือง ไม่มีคนเดินผ่านมากนัก ค่าเช่าจะลดหลั่นลงมาที่หลักพัน
2.การจดทะเบียน
สำหรับการเปิดร้านซักรีดหากเปิดเป็นร้านค้าหรือบุคคลธรรมดาจะไม่สามารถจดทะเบียนพาณิชย์ได้ เนื่องจากลักษณะของธุรกิจเป็นธุรกิจการบริการซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับล่าสุด การจะจดทะเบียนได้นั้นจะต้องเป็นนิติบุคลที่มีผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 2 คนขึ้นไป
3.การตกแต่งร้าน
เพื่อสื่อให้คนทั่วไปมองเห็นและรู้ทันทีโดยไม่ต้องอ่านป้ายร้าน ก็คือการตกแต่งร้านเพื่อสร้างการรับรู้ให้กับคนทั่วไปที่พบเห็นว่านี่คือร้านซักรีด สามารถทำได้โดยการตากผ้าหรือแขวนเสื้อผ้ารีดเรียบเรียงรายไว้ในบริเวณที่มองเห็นได้โดยง่าย รวมถึงการจัดวางเครื่องซักผ้าเรียงรายสวยงามอยู่ภายในร้านอย่างเป็นระเบียบ ข้อแนะนำลองออกแบบป้ายด้วยรูปฟองผงซักฟอก หรือรูปเสื้อผ้าขาวสะอาดประกอบ จะช่วยให้สังเกตได้ง่ายขึ้นว่าเป็นร้านซักรีด
4.การจ้างงานพนักงาน
การจ้างพนักงาน สามารถจ้างเป็นรายชิ้นได้ ชิ้นละ 2-5 บาทโดยประมาณ แล้วคิดค่าบริการจากลูกค้าสักชิ้นละ 10 บาทที่เหลือจะกลายเป็นกำไร โดยในการจ้างนี้ใช้ได้กับการจ้างรีดผ้า แต่ถ้าหากจ้างทั้งซักและรีดอาจต้องคิดเป็นรายวัน ตกวันละ เริ่มต้น 300 บาท โดยประมาณ
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นข้อมูลรายละเอียดเบื้องต้นสำหรับผู้ที่กำลังคิดจะทำธุรกิจร้านซักรีดด้วยตัวเอง แต่ถ้าหากใครที่อยากทำธุรกิจนี้ แต่ไม่อยากต้องวุ่นวายจัดการด้วยตนเองการเลือกซื้อแฟรนไชส์ร้านซักร้านรีดดีๆสักแฟรนไชส์หนึ่งก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน